http://3bbit-2012.blogspot.com/ ดาวน์โหลด(DOWNLOAD)![](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_vRaXIX9FwcbQVI-4YglrGweh8SAMgxKHtB24bZmNgAB3bs7pux-PnBYeUBctcKQxRmdLeBjj0gY9uD3ypOOv0kutUztJkhfp2GN1xKrqYf6O2z5uDmpELRESGJxze3PvB5FGk2VFNAYhWY5Q=s0-d)
![](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_vbooxhgcrDuhICu3XunOK_LTkOzFrkjor3aLKIBzMl3ax3Z-hsSKEWqX_YRRFC6bu00wuw6q93LvPAAPkOsv_OUh1b-unQMbED_px6C3TSkLWqpIU-CDXZld3yxCbB0wH7HIITON3z1KKy=s0-d)
ชื่อภาษาไทย : ผ่าภารกิจเดือด องค์กรลับ
ชื่อภาษาอังกฤษ : The Good Shepherd
แนว : ดราม่า/รัก/ระทึกขวัญ
นำแสดง : แม็ตต์ เดม่อน, แองเจลิน่า โจลี่, โรเบิร์ต เดอ นีโร, จอห์น เทอร์เทอโร่, อเล็ค บอลด์วิน
![](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_sxgmABviE6XHBt77KTDHM2-gpfV4BHp_NXJhzNdcV5ESJ5EDjYY758HM2YtqvNrG46hHL_XhHRm3Mo0R9AWZyVAPP1mGw0B3QS4ro1APzaVFMrjXXMe60hotCjIJd9Uzmpz_AhnLhvbnTm=s0-d)
เรื่องย่อ :
หนังนำเสนอเรื่องราวของการย้อนกำเนิดซีไอเอ (Central Intelligence Agency) องค์กรสืบราชการลับของอเมริกา ซึ่งหนึ่งในแกนนำคือ เอ็ดเวิร์ด วิลสัน (แม็ตต์ เดม่อน) เข้าใจดีถึงความหมายของการรักษาความลับ คือการทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรอบคอบ และการปฏิบัติตนตามพันธะสัญญาต่อองค์กร เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเยล เขาเข้าร่วมสมาคมลับ “Skull and Bones” อันเป็นสถานที่หล่อหลอมบรรดาผู้นำของโลกสมัยใหม่ แล้วจึงมาเข้าทำงานกับซีไอเอในยุคบุกเบิกช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยความอุทิศตน และทุ่มเทให้กับการทำงานจนกลายมาเป็นผู้วางรากฐานการปฏิบัติงานของซีไอเอในช่วงสงครามเย็น แต่ขณะเดียวกันการทุ่มเทชีวิตทั้งหมดให้กับงานทำให้เขาต้องสูญเสียภรรยา (แสดงโดย แองเจลิน่า โจลี่) และลูกชายซึ่งเป็นครอบครัวที่รักของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เป็นเรื่องราวของการก่อกำเนิดหน่วยข่าวกรองกลางซีไอเอที่ยังไม่เคยถูกบอกเล่าที่ไหนมาก่อน โดยมองผ่านเรื่องราวชีวิตของชายคนหนึ่งที่ศรัทธาในอเมริกา และยอมเสียสละทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่เขารัก เพื่อปกป้องประเทศชาติ ถูกบอกเล่ากล่าวขานออกมาใน The Good Shepherd ภาพยนตร์ดราม่าเอพิคที่มีทีมงาน และนักแสดงที่ล้วนแล้วแต่เป็นดาราดังทั้งสิ้น ภายใต้การกำกับของเจ้าของรางวัลออสการ์ โรเบิร์ต เดอ นีโร
….The Good Shepherd…เล่าเรื่องตัดสลับไปมาสองช่วงเวลา…
[เริ่มตั้งแต่ ช่วงลงเรือ ของเอ็ดเวิร์ด และ ช่วงเวลาที่เรือรั่ว]
...หนัง เปิดฉากในเวลาปัจจุบัน ซึ่งเป็นเอ็ดเวิร์ดในช่วงปลายของชีวิต ได้รับเทปลับที่จะช่วยให้เขารู้ว่า ใครเป็นคนทำให้ข่าวขององค์กรรั่วไหล ใครเป็นหนอนบ่อนไส้ หรือ ใครเป็น คนทำเรือที่เขานั่งมาตลอดสามสิบปีนี้รั่ว
...เขาจึงพยายามเร่งหาตัวการคนนั้นไปพร้อมๆ กับองค์กรตัวเองที่กำลังจะถูกปิดฉาก เนื่องจากสงครามได้จบลงแล้ว หน่วยงานของเขาก็กำลังจะไร้ความจำเป็น และเขาเองก็กำลังถูกหมายหัว เนื่องจากเป็นคนที่กุมความลับสำคัญหลายๆ อย่างมาตลอดสามสิบปี
หนังจะตัดสลับไปมากับช่วงมหาวิทยาลัย ที่เอ็ดเวิร์ดเริ่มก้าวลงเรือ (ซึ่งช่วงแรกของหนังทำเอาผมเองก็งงอยู่ไม่น้อย ต้องอาศัยลักษณะกรอบแว่นของพระเอกจึงจะจำได้ แถมตัวละครยังเยอะชนิดที่เรียกว่าถ้าสมาธิหลุดล่ะก็ต้องลืมแน่ๆ เลยทีเดียว)
จากจุดนั้น ความสูญเสียแรกๆ ที่เขาต้องแลกกับงานที่เขาเลือก เริ่มต้นตั้งแต่สูญเสียความรักที่อ่อนหวานบริสุทธิ์สดใสของ ลอร่า และต้องยอมสละอาจารย์ตัวเอง ก่อนจะเป็นการต้องทิ้งครอบครัวไปอยู่ดินแดนห่างไกล ไม่อาจได้อยู่ดูลูกเกิด และ ให้ลูกเติบโตกับภรรยาเพียงสองคนนานกว่าห้าปี
...เขาเชื่อว่า เขาทำเพื่อชาติ สามสิบปีต่อมา เขาจึงต้องมาพบว่า สิ่งที่เขาทำอาจไม่ใช่เพื่อประเทศชาติอย่างที่คิด
...งานของเขาท้ายที่สุดในบั้นปลายอาจเป็นเพียงแค่ “ความว่างเปล่า”
...มันไม่ใช่แค่การรักษาประเทศชาติ แต่เป็นความหมกมุ่น และความบ้าของกลุ่มคน ที่พยายามสร้างเรื่อง เพื่อจะรักษาให้มี “องค์กร” การมีก็มิใช่เพื่อให้ชาติอยู่รอด แต่พยายามให้มี เพื่อให้ตัวเองมีงานทำสืบต่อตลอดไป
*ดังนั้นสิ่งที่เขารับใช้อาจเป็นเพียงแค่ความบ้า และหมกมุ่นของคนบางคนบางกลุ่มก็เท่านั้นเอง*
.....ด้วยบารมีของ เดอนีโร เราจึงเห็นการรวมทัพของเหล่านักแสดงมากหน้าหลายตา ที่มาฝากฝีมืออย่างน่าจดจำ นอกจาก สตีฟ ฟินแน่นจากฮอลลีวู้ดแล้ว นักแสดงเก๋าๆก ลุ่มเน้นฝีมืออย่าง จอห์น เทอร์เทอโร่, อเล็ค บอลด์วิน , วิลเลี่ยม เฮิร์ท , ไมเคิล แกบบอน ต่างก็ให้การแสดงที่เฉียบคม ตัว เดอนีโร เองก็โผล่มามีส่วนร่วมรับเชิญเช่นเดียวกับ โจ เพซซี่ ที่เดาว่ามาไม่ได้มาเพราะตัวบทของเขาที่น่าเล่น บทเล็กๆ ของเขาโผล่มาไม่กี่นาที แต่น่าจะมา เพราะความเป็นเพื่อนร่วมแสดงกันมานาน
.....อีกคนที่ผมชอบ คือ แองเจลิน่า โจลี่ ซึ่งจะว่าไปเธอมีดีมานานแล้ว เพียงแต่สัดส่วนอันเซ็กซี่บวกข่าวทั้งหลายแหล่ที่ดังกว่า เลยกลบฝีมือของเธอจนคนดูมักจะมองข้าม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ต้องมีข่าวฉาว ไม่ต้องโชว์เลิฟซีน เธอก็คือหนึ่งในนักแสดงนำหญิงแถวหน้าของฮอลลีวู้ด ซีนที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ของเธอทำให้คนดูได้กลับมานึกถึงฝีมือดีๆ ที่เธอเคยฝากไว้ให้กับคนดูอย่างใน Girl, Interrupted หรือ GIA (ความจริงหนังแอคชั่นอย่าง Mr. & Mrs. Smith หรือ หนังไซไฟ Sky Captain and the World of Tomorrow เธอเองก็แสดงได้ดี ในส่วนดราม่าแต่ถูกบดบังจากองค์ประกอบอื่นๆ ของตัวหนัง น่าเสียดายตรงที่ในเรื่องนี้ใช้ประโยชน์จากเธอน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง
ปัญหาใหญ่ๆ ของหนัง คือ ความยาวเกือบจะสามชั่วโมง แต่เนื้อเรื่องของหนังไม่ได้พอเหมาะพอเจาะกับความยาวขนาดนั้น จนทำให้คนที่ไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้ นั่งขยับกระสับกระส่ายได้พอควร โดยเฉพาะช่วงก่อนลูกจะโตของพระเอกที่หนังเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาน้อยอยู่นาน
.....เดอนีโร คุมอารมณ์ของหนังให้เดินเรื่องไปได้อย่างสุขุมเคร่งเครียด ภายใต้องค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นแสง หรือ งานสร้างที่ดูหนักแน่นขึงขัง หนึ่งรางวัลออสการ์ที่เข้าชิงในสาขากำกับศิลป์นั้นถือว่าคู่ควร หลายตอนของหนังทำออกมาน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง เช่น ฉากวิเคราะห์แกะรอยข้อมูลจากรูปที่ได้มา ทำเอาผมนึกว่า นั่นเป็นสารคดีการทำงานจริงๆ ของซีไอเอกันเลยทีเดียว
*** สรุป : ยังคงเป็นหนังเก่าที่น่าดู และควรค่าแก่การเก็บรักษาอย่างยิ่งครับ ***
ชื่อภาษาไทย : ผ่าภารกิจเดือด องค์กรลับ
ชื่อภาษาอังกฤษ : The Good Shepherd
แนว : ดราม่า/รัก/ระทึกขวัญ
นำแสดง : แม็ตต์ เดม่อน, แองเจลิน่า โจลี่, โรเบิร์ต เดอ นีโร, จอห์น เทอร์เทอโร่, อเล็ค บอลด์วิน
เรื่องย่อ :
หนังนำเสนอเรื่องราวของการย้อนกำเนิดซีไอเอ (Central Intelligence Agency) องค์กรสืบราชการลับของอเมริกา ซึ่งหนึ่งในแกนนำคือ เอ็ดเวิร์ด วิลสัน (แม็ตต์ เดม่อน) เข้าใจดีถึงความหมายของการรักษาความลับ คือการทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรอบคอบ และการปฏิบัติตนตามพันธะสัญญาต่อองค์กร เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเยล เขาเข้าร่วมสมาคมลับ “Skull and Bones” อันเป็นสถานที่หล่อหลอมบรรดาผู้นำของโลกสมัยใหม่ แล้วจึงมาเข้าทำงานกับซีไอเอในยุคบุกเบิกช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยความอุทิศตน และทุ่มเทให้กับการทำงานจนกลายมาเป็นผู้วางรากฐานการปฏิบัติงานของซีไอเอในช่วงสงครามเย็น แต่ขณะเดียวกันการทุ่มเทชีวิตทั้งหมดให้กับงานทำให้เขาต้องสูญเสียภรรยา (แสดงโดย แองเจลิน่า โจลี่) และลูกชายซึ่งเป็นครอบครัวที่รักของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เป็นเรื่องราวของการก่อกำเนิดหน่วยข่าวกรองกลางซีไอเอที่ยังไม่เคยถูกบอกเล่าที่ไหนมาก่อน โดยมองผ่านเรื่องราวชีวิตของชายคนหนึ่งที่ศรัทธาในอเมริกา และยอมเสียสละทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่เขารัก เพื่อปกป้องประเทศชาติ ถูกบอกเล่ากล่าวขานออกมาใน The Good Shepherd ภาพยนตร์ดราม่าเอพิคที่มีทีมงาน และนักแสดงที่ล้วนแล้วแต่เป็นดาราดังทั้งสิ้น ภายใต้การกำกับของเจ้าของรางวัลออสการ์ โรเบิร์ต เดอ นีโร
….The Good Shepherd…เล่าเรื่องตัดสลับไปมาสองช่วงเวลา…
[เริ่มตั้งแต่ ช่วงลงเรือ ของเอ็ดเวิร์ด และ ช่วงเวลาที่เรือรั่ว]
...หนัง เปิดฉากในเวลาปัจจุบัน ซึ่งเป็นเอ็ดเวิร์ดในช่วงปลายของชีวิต ได้รับเทปลับที่จะช่วยให้เขารู้ว่า ใครเป็นคนทำให้ข่าวขององค์กรรั่วไหล ใครเป็นหนอนบ่อนไส้ หรือ ใครเป็น คนทำเรือที่เขานั่งมาตลอดสามสิบปีนี้รั่ว
...เขาจึงพยายามเร่งหาตัวการคนนั้นไปพร้อมๆ กับองค์กรตัวเองที่กำลังจะถูกปิดฉาก เนื่องจากสงครามได้จบลงแล้ว หน่วยงานของเขาก็กำลังจะไร้ความจำเป็น และเขาเองก็กำลังถูกหมายหัว เนื่องจากเป็นคนที่กุมความลับสำคัญหลายๆ อย่างมาตลอดสามสิบปี
หนังจะตัดสลับไปมากับช่วงมหาวิทยาลัย ที่เอ็ดเวิร์ดเริ่มก้าวลงเรือ (ซึ่งช่วงแรกของหนังทำเอาผมเองก็งงอยู่ไม่น้อย ต้องอาศัยลักษณะกรอบแว่นของพระเอกจึงจะจำได้ แถมตัวละครยังเยอะชนิดที่เรียกว่าถ้าสมาธิหลุดล่ะก็ต้องลืมแน่ๆ เลยทีเดียว)
จากจุดนั้น ความสูญเสียแรกๆ ที่เขาต้องแลกกับงานที่เขาเลือก เริ่มต้นตั้งแต่สูญเสียความรักที่อ่อนหวานบริสุทธิ์สดใสของ ลอร่า และต้องยอมสละอาจารย์ตัวเอง ก่อนจะเป็นการต้องทิ้งครอบครัวไปอยู่ดินแดนห่างไกล ไม่อาจได้อยู่ดูลูกเกิด และ ให้ลูกเติบโตกับภรรยาเพียงสองคนนานกว่าห้าปี
...เขาเชื่อว่า เขาทำเพื่อชาติ สามสิบปีต่อมา เขาจึงต้องมาพบว่า สิ่งที่เขาทำอาจไม่ใช่เพื่อประเทศชาติอย่างที่คิด
...งานของเขาท้ายที่สุดในบั้นปลายอาจเป็นเพียงแค่ “ความว่างเปล่า”
...มันไม่ใช่แค่การรักษาประเทศชาติ แต่เป็นความหมกมุ่น และความบ้าของกลุ่มคน ที่พยายามสร้างเรื่อง เพื่อจะรักษาให้มี “องค์กร” การมีก็มิใช่เพื่อให้ชาติอยู่รอด แต่พยายามให้มี เพื่อให้ตัวเองมีงานทำสืบต่อตลอดไป
*ดังนั้นสิ่งที่เขารับใช้อาจเป็นเพียงแค่ความบ้า และหมกมุ่นของคนบางคนบางกลุ่มก็เท่านั้นเอง*
.....ด้วยบารมีของ เดอนีโร เราจึงเห็นการรวมทัพของเหล่านักแสดงมากหน้าหลายตา ที่มาฝากฝีมืออย่างน่าจดจำ นอกจาก สตีฟ ฟินแน่นจากฮอลลีวู้ดแล้ว นักแสดงเก๋าๆก ลุ่มเน้นฝีมืออย่าง จอห์น เทอร์เทอโร่, อเล็ค บอลด์วิน , วิลเลี่ยม เฮิร์ท , ไมเคิล แกบบอน ต่างก็ให้การแสดงที่เฉียบคม ตัว เดอนีโร เองก็โผล่มามีส่วนร่วมรับเชิญเช่นเดียวกับ โจ เพซซี่ ที่เดาว่ามาไม่ได้มาเพราะตัวบทของเขาที่น่าเล่น บทเล็กๆ ของเขาโผล่มาไม่กี่นาที แต่น่าจะมา เพราะความเป็นเพื่อนร่วมแสดงกันมานาน
.....อีกคนที่ผมชอบ คือ แองเจลิน่า โจลี่ ซึ่งจะว่าไปเธอมีดีมานานแล้ว เพียงแต่สัดส่วนอันเซ็กซี่บวกข่าวทั้งหลายแหล่ที่ดังกว่า เลยกลบฝีมือของเธอจนคนดูมักจะมองข้าม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ต้องมีข่าวฉาว ไม่ต้องโชว์เลิฟซีน เธอก็คือหนึ่งในนักแสดงนำหญิงแถวหน้าของฮอลลีวู้ด ซีนที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ของเธอทำให้คนดูได้กลับมานึกถึงฝีมือดีๆ ที่เธอเคยฝากไว้ให้กับคนดูอย่างใน Girl, Interrupted หรือ GIA (ความจริงหนังแอคชั่นอย่าง Mr. & Mrs. Smith หรือ หนังไซไฟ Sky Captain and the World of Tomorrow เธอเองก็แสดงได้ดี ในส่วนดราม่าแต่ถูกบดบังจากองค์ประกอบอื่นๆ ของตัวหนัง น่าเสียดายตรงที่ในเรื่องนี้ใช้ประโยชน์จากเธอน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง
ปัญหาใหญ่ๆ ของหนัง คือ ความยาวเกือบจะสามชั่วโมง แต่เนื้อเรื่องของหนังไม่ได้พอเหมาะพอเจาะกับความยาวขนาดนั้น จนทำให้คนที่ไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้ นั่งขยับกระสับกระส่ายได้พอควร โดยเฉพาะช่วงก่อนลูกจะโตของพระเอกที่หนังเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาน้อยอยู่นาน
.....เดอนีโร คุมอารมณ์ของหนังให้เดินเรื่องไปได้อย่างสุขุมเคร่งเครียด ภายใต้องค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นแสง หรือ งานสร้างที่ดูหนักแน่นขึงขัง หนึ่งรางวัลออสการ์ที่เข้าชิงในสาขากำกับศิลป์นั้นถือว่าคู่ควร หลายตอนของหนังทำออกมาน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง เช่น ฉากวิเคราะห์แกะรอยข้อมูลจากรูปที่ได้มา ทำเอาผมนึกว่า นั่นเป็นสารคดีการทำงานจริงๆ ของซีไอเอกันเลยทีเดียว
*** สรุป : ยังคงเป็นหนังเก่าที่น่าดู และควรค่าแก่การเก็บรักษาอย่างยิ่งครับ ***
{[['
']]}